marketing-strategy-and-model

รวมกลยุทธ์การตลาด (Marketing Frameworks) ที่อมตะตลอดกาลตั้งแต่ 1957 ถึง 2022

This post is also available in: อังกฤษ

Marketing Frameworks คือกรอบหรือรูปแบบการวางแผน และลงมือปฎิบัติงาน ที่ต้องมีการกำหนดไว้เพื่อให้ ผู้ที่ทำงานได้เห็นภาพใหญ่ชัด ก่อนลงมือทำงานในส่วนย่อยๆ

โดย Marketing Frameworks นั้นได้มีการออกแบบ ไว้มากมาย จากหลากหลายสำนัก หรือจากหลากหลายปรมาจารย์ทางการตลาด โดยมี Frameworks ที่เราคิดว่ามันน่าสนใจ ไร้กาลเวลา และยังใช้งานได้ดีอยู่ในปี 2022 ได้แก่


1. RACE Models คือ Frameworks ที่ออกแบบโดย Dave Chaffey

Race model คืออะไร


มาด้วยแนวคิดการสื่อสารกับลูกค้าทุกๆ Customer Stages ได้แก่
R=Reach Stage
เราต้องการเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างหรือการสร้าง Demand ให้ตลาดเกิดขึ้น โดยสื่อที่เหมาะสำหรับพฤติกรรมของลูกค้าใน Stage นี้ คือ สื่อที่สามารถเข้าถึงคนจำนวนมากไปยังตลาดใหญ่ (Mass Market) หรือตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) โดยส่วนใหญ่จะใช้สื่อต่างๆ แบบผสมผสาน หรืออาจเน้นสื่อบางประเภทตามความเหมาะสมของประเภทสินค้าและบริการ

A=ACT Stage
เราต้องการให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์ หรือ Action กับเรา เช่น การติดต่อขอข้อมูลสินค้า กรอกแบบฟอร์มติดต่อเรา ส่ง Instant Messaging หาเรา

สื่อที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของลูกค้าใน Stage นี้คือ สื่อที่มีคุณค่าหรือมีประโยชน์มากพอให้กลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสเป็นลูกค้าในอนาคต ยินยอมที่จะให้ข้อมูลส่วนตัวเพื่อสมัครสมาชิกหรือกรอกข้อมูลส่วนตัวให้กับเรา

C=Convert Stage
เราต้องการให้ลูกค้าใหม่ซื้อสินค้าหรือบริการของเรา หรือต้องการให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อสินค้าหรือบริการซ้ำอีกครั้ง สื่อที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของลูกค้าใน Stage นี้ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจครับ เช่นถ้าเป็น B2B ก็อาจจะเป็นสื่อที่เน้นให้ Fact หรือ ให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อโน้มน้าว และสร้างความมั่นใจ ส่วนถ้าเป็น Consumer Good ก็อาจจะเป็น Promotion, หรือ Review & Testimonial ต่างๆ

E=Engage Stage
เราต้องการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเก่าเพื่อการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) และเพื่อเพิ่มอัตราการซื้อซ้ำ (Re-Purchasing) หรือซื้อเพิ่ม (Upsell) สื่อที่เหมาะสมกับลูกค้าเก่าใน Stage นี้ ได้แก่ Marketing Automation หรือการสร้าง Loyaly Program ต่างๆ

อ่านต่อเรื่อง Customer Touchpoint


2.Ansoff Matrix Product vs New Market Frameworks

Ansoff matrix

Matrix นี้ถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่ปี 1957 แล้ว ถูกคิดค้นโดย Mr. Harry Igor Ansoff นักพัฒนากลยุทธ์ชาวอเมริกัน-รัสเซีย 😎 แต่แอดมิน ว่าแนวคิดนี้ยังคลาสสิค อมตะ เลยขอเอามาเล่าและตีความในแบบปี 2021 ครับ

Matrix นี้ ประกอบไปด้วย 2 คอลัมน์ 2 แถว = 4ช่องกลยุทธ์ โดย
แกนนอนจะเป็นการดูว่า Product นั้น “เหมือนเดิม หรือ สร้างใหม่”
แกนตั้งจะเป็นการดูว่า Market ของสินค้านั้น “เหมือนเดิม หรือ สร้างใหม่”

สินค้าใหม่ ตลาดใหม่ Diversification strategies กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยง

  • เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิม เช่น สายการบินต้นทุนต่ำ ทำธุรกิจอื่นๆที่เกียวกับการท่องเที่ยวโดยใช้การโปรโมททาง Digital
  • ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิม เช่น Virgin Group จากบริษัท Entertainment มาเป็นสายการบิน

    สินค้าใหม่ ตลาดเก่า Product development strategies กลยุทธ์พัฒนาสินค้า
  • สร้าง Digital Products (new delivery/usage models) ตัวอย่างเยอะแยะมากมาย เช่น Grab ที่มาแย่งตลาดพี่วิน หรือ Agoda ที่ใช้ความสามารถในการแข่งขันด้าน Digital มาแย่งตลาดAgency จองโรงแรมแบบดั้งเดิม .
  • เปลี่ยน Revenue Model (subscription, per use, bundling) เช่น Adobe ที่เป็น creative software ปรับจากการขายแผ่น licenses เป็น Adobe Creative cloud ที่มี Recurring Revenue จาก subscription Model

สินค้าเก่า ตลาดเก่า Market Penetration strategies กลยุทธ์การเจาะตลาด

  • การใช้ Digital เพื่อเพิ่ม โดยอาศัยความสามารถด้าน Digital ที่เหนือกว่าคู่แข่ง เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ตรงนี้คือ Digital Marketing นั่นเอง
  • การเพิ่ม Customer loyalty improvement โดยใช้ Digital Platform ต่างๆทำให้ลูกค้าเข้าถึงบริการหลังการขาย หรือสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นจากสินค้าและบริการเดิม ตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จกับกลยุทธ์นี้มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น The1 card, Homepro
  • การเพิ่ม Customer Lifetime Value การใช้ช่องทาง Digital ในการสื่อสารกับลูกค้าเก่าทำให้เกิดการซื้อซ้ำ และเพิ่มมูลค่า CLV ในที่สุด ตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จกับกลยุทธ์นี้. เช่น Lazada, Shopee ซึ่งเป็นธุรกิจที่ก่อตัวยุค Digital มีการใช้ Platform หลังบ้านยุคใหม่ มี Customer Data ที่ดี ย่อมทำให้แคมเปญการสื่อสารกับลูกค้าเก่ามีประสิทธิภาพกว่า Retail แบบดั้งเดิม

สินค้าเก่า ตลาดใหม่ Market Development strategies กลยุทธ์การพัฒนาตลาด

  • ใช้ประโยชน์จาก Digital Technology ทำให้สามารถเข้าถึง Segmentation ใหม่ด้วยต้นทุนที่ต่ำ เช่น Netflix จากธุรกิจให้เช่าแผ่น DVD อาศัยประโยชน์จาก Internet ที่เร็วขึ้น และผู้คนสามารถเข้าถึง Unlimit Internet ได้ง่ายขึ้น สร้างธุรกิจ Video Streaming ขึ้นมาจากสินค้าเดิมคือภาพยนตร์
  • หรือกรณีเป็นธุรกิจดั้งเดิม เช่น Hilti บริษัทผู้ผลิตเครื่องมือก่อสร้าง(Product) ปรับธุรกิจไปเป็น Online Fleet Management (Service ) ที่ให้เช่าเครื่องมือเอาไปใช้ในงานก่อสร้างแทน
  • หรืออาจใช้ประโยชน์ในการ Globalization สินค้าและบริการเดิม เพิ่มมูลค่าในประเทศอื่นๆเป็นต้น

    อ่านต่อ Ansoff Matrix เครื่องมือวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ

3. PR Smith’s SOSTAC® Planning Framework ที่ออกแบบโดย PR Smith

What is SOSTAC

S – Situational Analysis = วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน
O – Objective = ตั้งเป้าหมายให้ชัด
S – Strategy = กลยุทธ์ใหญ่เช่น วิธีการ Target ลูกค้า การสร้าง Value Proposition
T – Tactics = แทคติคที่จะใช้เช่นการทำ Advertise, การทำ Direct Marketing
A – Actions = แอ็คชั่นงานเช่นการวางแผน Operation, การประเมินResourceคน
C – Control = การตรวจสอบ เช่น ควบคุมด้วย KPI, Monthly/Quaterly analysis, การทำ Usability test

อ่านต่อเรื่อง PR Smith’s SOSTAC® Planning Framework


4. PDCR Digital Marketing framework

marketing strategy

แนวคิดนี้มาจากการสร้าง Framework ที่ยังมีลักษณะเป็น Marketing Funnels อยู่ และจากตารางจะเห็นว่าในแต่ละคอลัมน์ก็จะมีรายละเอียดของช่องทาง หรือ Touchpoints ที่อยู่ในแต่ละ Funnels โดยเรียงลำดับจากช่องซ้ายสุดคือ

Presence หมายถึงช่องทางที่ทำให้เราเข้าถึงผู้บริโภคได้
จาก Frameworks ช่องนี้อยู่ระหว่าง Stranger และ Visitor หมายความว่ากลุ่มคนที่ตกในช่อง Presence คือ User หรือ VIsitor ที่เรายังไม่รู้จักมากนัก

Drive หมายถึงช่องทางที่ช่วยผลักดันให้ Visitor เหล่านั้น เปลี่ยนเป็น Lead
หรือให้ข้อมูลติดต่อกับเราโดยช่องทางใน Funnel นี้จะเป็นการสื่อสาร และการทำคอนเทนท์เพื่อดึงดูด

Convert หมายถึงช่องทางที่ช่วยผลักดันให้ซื้อสินค้า
ช่องนี้ส่วนใหญ่เป็นการ CRM (sale pipeine) หรือการทำ Marketing Automation เพื่อทำให้เกิดการปิดการขายหรือ Convert

Retain หมายถึงช่องทางที่สร้างการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า (ที่ซื้อสินค้าไปแล้ว)
ช่องนี้ส่วนใหญ่เป็นการ CRM (Loyalty และ Advocacy) เพื่อให้เรายังสามารถติดต่อสื่อสารหรือปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเก่าๆ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจ และเกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์ เพื่อนำลูกค้าเหล่านี้กลับมาซื้อสินค้าและบริการอีกครั้งหนึ่ง


5. Anicca’s A10 Digital Marketing Framework

Anicca’s A10 Digital Marketing Framework

สำหรับ Marketing Framework นี้แตกต่างจากอันอื่นตรงที่ว่า Anicca’s A10 ไม่ได้ไล่ตาม Funnels องลูกค้าแต่เป็นเสมือน Checklist การทำงานว่าการทำกลยุทธ์การตลาดเราต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง

A1: Analysis
คือหา Benchmark หรือ Baseline ว่าปัจจุบัน การทำการตลาดของเรามีตัวเลขมาตรฐานเท่าไหร่ โดยอาจวัดเชิงปริมาณทราฟฟิค, วัดคุณภาพ Engagement, วัดจำนวนConversion และคะแนนของงานบริการหลังการขาย

A2: Aims
การกำหนดเป้าหมายการทำการตลาด จากข้อ A1 ว่าเราต้องการให้ตัวเลขต่างๆ ดีขึ้นเท่าไหร่ โดยสามารถแตกเป้าหมายแยกย่อยตาม Digital Presence หรือ Channel และแตกเป้าหมายย่อยตาม Customer Funnel ได้ด้วย

A3: Audience
สามารถรวบรวมข้อมูลจาก Ads Platform และ Marketing Analytic ต่างๆมา Identify ได้ว่ากลุ่ม User ที่เข้ามาที่ช่องทางของเรา มี character, interest, demographic แบบไหนบ้าง โดยสามารถนำมาทำเป็น Segmentations และแยกย่อยเป็น Micro-Segmentation ตามหมวดหมู่สินค้าได้ด้วย

A4: Assets
เป็นการจัดเก็บ นิยาม Assets หรือทรัพย์สิน Digital ทุกอย่างที่เรามีไว้ให้ละเอียดรัดกุม ไม่ว่าจะเป็น

  • Branding Assets ได้แก่ เอกสารการทำงาน ขั้นตอน หรือไกด์ไลน์ของแบรนด์
  • Owned Channel Assets ได้แก่ Website, Mobile Application ต่างๆที่เรามี
  • Social media platforms ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ที่เราต้องดูแล
  • Content, Promotional Material และ ads ต่างๆ ที่เราเคยจัดทำ พร้อม Remark หรือ Note ต่างๆ เอาไว้ Learning การทำงานต่อๆไป
  • MarTech & Tools เครื่องมือการทำงานต่างๆ ที่ใช้เพื่อพัฒนาการการตลาด

A5: Awareness
เป็นการวาง Tactics ในช่องทางต่างๆเพื่อดำเนินการตามแผนงานที่ Aim ไว้ โดยเราต้องพยายามหากลไกการวัดผล Awareness ไว้ให้รัดกุมมากพอ ไม่ว่าจะเป็น
– Social Media ทั้งหมด เข้าถึงคนได้ xx Reached
– Search marketing มี organic view เพิ่มขึ้น xx Impressions

A6: Acquisition
ใน Step นี้ทาง Anicca’s A10 ยังแยกย่อยเป็น POET channels อีกคือ Paid, Owned, Earned และ Technical channels โดยความสำคัญของแต่ละ Channel คือ
Paid การ Targeting และ Optimization ช่องทาง Paid Media อย่างสม่ำเสมอ ทั้ง SEM, Display และ Social Ads ต่างๆ
Owned การบริหารจัดการช่องทางที่เราควบคุมได้คือ search engine optimization (SEO), content marketing, social media และ email marketing
Earned คือการบริหารช่องทาง PR, influencer, outreach marketing ไปจนถึงการดูแล Community เพื่อสร้าง Engagement กับฐานลูกค้า
Technical channels ส่วนนี้คือช่องทางใหม่ๆ ที่อาจจะต้องวางแผนการตลาดไว้ล่วหน้าเช่น IoT, Voice Search หรือ  chatbots

A7: Actions
ในที่นี้ Anicca’s A10 หมายถึงการเข้าใจวิธีการ interactions, conversion ต่างๆ อย่างละเอียดโดย actions และ conversions ในช่องทาง Digital ยังแบ่งได้เป็น

  • Macro-conversions เช่นยอดขายหรือจำนวน lead
  • Micro-conversions ความสำเร็จย่อยๆเช่น จำนวนคน Signup E-newsletter
  • Goals คือการกำหนด Action ให้ระบบ Marketing Analytic (เช่น Google Analytic) สามารถนับจำนวนได้ตามที่เราคาดหวัง เช่น นับ1Goal เมื่อมีการ Load หน้า Thank you page (หน้านี้มาจาก Redirect หลังจาก User กรอกแบบฟอร์มสำเร็จ )
  • Funnels การสร้าง Customer Report ให้เห็นว่าในแต่ละ Step ที่ User เข้ามามีการหลุดหาย (Drop-off) อย่างไรบ้าง
  • Events คือการตรวจจับ Action ในระดับหน้าเพจ เช่นการตรวจจับการคลิกปุ่มต่างๆ การคลิกเล่นVideo

A8: Attention (and retention)
ส่วนนี้จะเกี่ยวข้องการงานบริการหลังการขาย หรือการหาทางทำให้ลูกค้าเก่าซื้อซ้ำ Re Purchase สินค้าหรือบริการของเรา

A9: Advocacy
ส่วนนี้คล้ายคลึงกับ A8 ตรงที่เป็นการดูแลลูกค้าเก่าเหมือนกัน แต่ส่วนนี้เป็นการคาดหวังให้เกิดความศรัทธาในแบรนด์ เพื่อทำให้ลูกค้าเก่าเกิดการรีวิว หรือกล่าวถึงเราในด้านบวก ไปจนสามารถแนะนำเพื่อน มาซื้อสินค้าของเราเพิม

A10: Assessment
คือการต้องตรวจสอบ สิ่งต่างๆที่สำคัญในการทำการตลาดอยู่เสมอ โดยหลักๆก็คือ

  • Website และ App Analytics
  • Ad platform และ Ads Analytics
  • Conversion, attribution และ Assist Conversion
  • การ Integration data ข้าม platforms
  • การทำ Reporting และ data visualization


6. HBR marketing strategy formation

HBR marketing strategy formation เป็นการจัดสูตรการตลาดโดย Harvard Business School ที่แบ่งกลยุทธ์เป็น 3 แกนใหญ่

Analysis คือการวิเคราะห์ 5Cs ได้แก่

  • Customer Analysis คือการเข้าใจลูกค้า และกลุ่มเป้าหมาย
  • Competitor Analysis หรือการวิเคราะห์คู่แข่งในตลาด
  • Company Analysis วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของบริษัทเรา (SWOT)
  • Collaborators Analysis วิเคราะห์ความร่วมมือกับ Partner หรือพันธมิตรทางธุรกิจในทุกๆด้าน
  • Context Analysis วิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่อาจเกี่ยวกับการทำการตลาดของเรา เช่น ปัญหาการเมือง กฎหมาย และ Regulation ต่างๆ

Decision คือการตัดสินใจใน 2 แกนที่สำคัญ

(1) Aspiration คุณค่าของ Product ที่สะท้อนความเป็นตัวตนของลูกค้า ทำให้เราสามารถกำหนด Positioning, Targeting และ Segmenting กลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน
(2) Action Plan คือการทำหนด Marketing Mix โดยยึด 4Ps คือ product, price, promotion (ทั้งหมดนี้คือการกำหนด communications strategy) และ place (คือช่องทางการขายสินค้า)

Outcomes คือผลสำเร็จที่เล็งเห็นหรือวัดได้

(1) Aspiration > วัดด้วยการกวาดลูกค้าแบบตรงกลุ่ม โดยสะท้อนจาก จำนวนกลุ่มเป้าหมายที่พาเข้ามาหรือ Acquisition), ทำให้เกิดการซื้อซ้ำ Retention, Buy Rate หรืออัตราการซื้อเป็น%

ส่วน (2) Action Plan ผลสำเร็จที่ได้รับคือ ยอดขาย กำไร หรือการขยายสาขา


7. Econsultancy’s 10Cs of Modern Marketing

Econsultancy บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดระดับโลก ได้นิยาม ตัว C 10 ตัวที่เป็นเสมือน Modern Marketing Mindset หรือแนวคิดการทำการตลาดสมัยใหม่ และตัว C เหล่านี้ยังมีวงกลมรอบนอกอีก 3 ตัวครอบอยู่ โดยวงกลมรอบนอกเหล่านี้ถือเป็นองค์ประกอบหลักในการทำการตลาด ได้แก่

  • Self: ตัว C ที่อยู่ในวงนี้ คือ Mindset ที่ต้องมีในระดับ Individual
  • Team: ตัว C ที่อยู่ในวงนี้ คือ Mindset ที่ต้องมีสำหรับการทำงานในทีม
  • Company: ตัว C ที่อยู่ในวงนี้ คือ Mindset ที่ต้องมีสำหรับองค์กรนั้นๆ (Company)

Self ประกอบด้วย

  • Customer-centric คือนักการตลาดต้องเป็นเสมือน ทูตสันถวไมตรี ในการคิดทุกอย่างในหมวกของลูกค้า
  • Commercially focused คือนักการตลาดก็ต้องหาสมดุลย์ระหว่างการเป็นตัวแททนลูกค้า กับการหารายได้เข้าองค์กร
  • Capable และการหาสมดุลย์ระหว่าง Customer-centric และ Commercially นั้นก็ต้องอาศัย “ความสามารถ” และองค์ความรู้เพื่อพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

Team ประกอบด้วย

  • Committed การจะทำ C 3 ตัวใน Self ได้นักการตลาดต้องมีการสร้างพันธสัญญา หรือการตั้งธงกับทีมทำงานด้วยว่าเราจะ achieve อะไรบ้าง
  • Confident นักการตลาดต้องมั่นใจ และตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเองให้เชี่ยวชาญ
  • Curious แต่นักการตลาดก็ต้องมีความกระหายใฝ่รู้ และเปิดใจกับคำถามที่เจอในการทำงาน

Company ประกอบด้วย

  • Creative องค์กรต้องสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแก้พัฒนาระหว่างการทำงานได้ดี หรืออาจใช้เพื่อการพัฒนาสินค้า และบริการให้ตอบสนองพฤติกรรมของลูกค้าได้
  • Challenging นักการตลาดต้องท้าทายตัวเองให้ทำให้ดียิ่งขึ้น และองค์กรก็ต้องท้าทายตัวเองกับการต้องปรับเปลี่ยน Process การทำงาน หรือปรับ Structure ต่างๆตลอดเวลา
  • Collaborative การมี Creative และ Challenging ทำให้คนในองค์กรต้องมีความสามารถในการทำงานร่วมกันแบบ Cross Functional ได้
  • Connected คือการเชื่อมต่อเป้าหมายทุกทีมร่วมกัน ตั้งแต่ระดับส่วนตัวหรือ Personal Values ไปจนถึงระดับองค์กรหรือ business Values นั่นเอง

8. SMART marketing objectives

เป็น Marketing Frameworks การทำงานที่จำเป็นสำหรับทุกๆ Marketing Funnels และทุกๆช่องทางดิจิตอล โดยMarketing Frameworks เป็นกรอบการทำงานในลักษณะการตั้งวัตถุประสงค์ (Objectives) การทำงานโดยประกอบด้วย

  • Specific – ข้อมูลที่ได้เพียงพอ ที่จะทำให้เราเห็นปัญหาหรือโอกาสทางการตลาดอย่างไร
  • Measurable – สิ่งที่กำหนด ในด้านบน สามารถกำหนดวิธีวัดผล (Measurment) ในโลกความจริง ได้อย่างไร และสามารถแยกการวัดผลเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณเป็นตัวเลข (Metric) ได้หรือไม่
  • Actionable – ข้อมูลที่ได้มาสามารถนำมาปรับปรุง (Improve) ประสิทธิภาพการตลาดได้อย่างไร
  • Relevant – ข้อมูลที่ได้ตรงหรือเกี่ยวข้องกับปัญหาที่เราทำงานอยู่หรือไม่
  • Time-bound – ข้อมูลที่ได้สามารถประยุกต์ใช้ได้ตลอดไป ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนของปีใช่หรือไม่

สรุปแล้ว SMART marketing objectives เป็น ​Frameworks ในระดับ Operation งาน และการเก็บข้อมูล ทางการตลาดมากกว่าการวาง Roadmap การทำงานในภาพใหญ่นะครับ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม หนังสือ 50 Marketing Frameworks มองการตลาดภาพใหญ่ให้ธุรกิจไปถูกทิศ

50 Marketing Framework มองการตลาดภาพใหญ่ให้ธุรกิจไปถูกทิศ

ติดตาม Marketing Tech Thailand ใน Social Media ได้ที่
🔥 Facbook Page : Marketing Tech Thailand
🔥 Facebook Group : Marketing Tech Thailand – Group
📺 Youtube : Marketing Tech Thailand
🌎 Linkedin Group (Global Community) : Marketing Tech Community in Thailand

Reference
https://www.smartinsights.com/digital-marketing-strategy/race-a-practical-framework-to-improve-your-digital-marketing/
https://corporatefinanceinstitute.com/resources/knowledge/strategy/ansoff-matrix/
https://sostac.org/
https://prsmith.org/sostac/
https://anicca.co.uk/blog/introducing-aniccas-a10-digital-marketing-framework-to-develop-your-digital-marketing-strategy/
https://www.equinetacademy.com/what-is-digital-marketing/
https://www.smartinsights.com/goal-setting-evaluation/goals-kpis/define-smart-marketing-objectives/
https://econsultancy.com/introducing-the-10cs-of-modern-marketing-mindset/



Similar Posts